วันอาทิตย์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2555

“ผานม”ชุมชนไทลื้อหลวงพระบาง



ออกจากเมืองแบ่ง ศูนย์กลางซื้อ-ขายวัตถุดิบ(ดอกต้นก๋ง)ในการผลิตไม้กวาดที่ส่งออกกลับมายังประเทศไทยเพื่อมามาบรรจบกับเส้นทางสาย 13(เหนือ) ที่เมืองไชย เมืองเอกของแขวงอุดมไชย ใช้เวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมง

จากจุดนี้ เมื่อต้องเดินทางลงไปยังหลวงพระบาง ใช้ระยะทางประมาณ 170 กิโลเมตร เป็นเส้นทางที่วิ่งอยู่บนเขาประมาณ 90 กิโลเมตร

ในวันที่ผมใช้ถนนเส้นนี้เมื่อต้นปี 2553 สภาพถนนแม้มีหลุมมีบ่ออยู่บ้าง แต่ก็ถือว่ายังใช้ได้ มีปริมาณรถที่ใช้ถนนสายนี้พอสมควร

แถมบางช่วง ยังพบกับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติชาวตะวันตกทั้งหญิง-ชาย มาปั่นจักรยานกัน ซึ่งมีทั้งปั่นเป็นกลุ่มๆ และปั่นเดี่ยวๆ

ป้ายบอกเส้นทางที่เมืองไชย

พอลงจากเขาจะพบกับสามแยกน้ำบากซึ่งต้องเลี้ยวขวา เพราะหากตรงไปจะเข้าไปเส้นทางสู่เมืองหัวพันของแขวงซำเหนือ

จากสามแยกน้ำบากเป็นต้นมา สภาพถนนเรียบเป็นส่วนใหญ่ ไม่มีหลุมบ่อ และมีบางช่วงที่เป็นถนนเลียบไปกับแม่น้ำอู

ผมออกเดินทางจากเมืองไชยประมาณ 10 โมงเช้า และมาถึงหลวงพระบางประมาณเกือบ 4 โมงเย็น เพราะมีการแวะพักระหว่างทางเป็นระยะ

แม่น้ำอู

หลวงพระบางในวันที่ผมมาถึงนั้น กำลังพัฒนาไปสู่การเป็นเมืองท่องเที่ยวเต็มรูปแบบ แม้ว่ายังคงอนุรักษ์จุดเด่นของเมืองที่เป็นมรดกโลกเอาไว้ในหลายๆจุด เช่นการห้ามสร้างอาคารเกิน 2 ชั้น ในบริเวณศูนย์กลางของตัวเมือง

แต่กระแสทุนก็พยายามเจาะแทรกเข้าไปได้แล้วในหลายๆจุดเช่นกัน

นักท่องเที่ยวเดินกันคราคร่ำริมฝั่งโขง บ้านเรือนถูกปรับสภาพขึ้นมาเป็นร้านอาหาร เฮือนพัก และมีโรงแรมสร้างใหม่เปิดขึ้นมาเป็นจำนวนมาก

เรื่องราวของหลวงพระบางคงไม่สามารถบรรยายในตอนนี้ได้ทั้งหมด ผมคิดว่าต้องเดินทางมายังเมืองนี้อีกหลายรอบ เพื่อสะสมข้อมูลและค้นหามุมมองใหม่ๆ ค่อยนำมาเล่าแบบละเอียดอีกครั้งหนึ่ง...

แต่สำหรับการเดินทางมายังหลวงพระบางครั้งนี้ ผมพยายามหาสถานที่ซึ่งสะท้อนถึงความเป็นเมืองหลวงพระบาง ที่ไม่ใช่เป็นหลวงพระบางในมิติ-มุมมองของชาวตะวันตก

หมู่บ้านผานม

มีคนแนะนำให้ผมลองไปเที่ยวยังชุมชนเล็กๆแห่งหนึ่ง ซึ่งยังพยายามคงเสน่ห์ของความเป็นหลวงพระบางในอดีตเอาไว้ มีชื่อว่าหมู่บ้าน”ผานม”

บ้านผานมเป็นชุมชนไทลื้อดั้งเดิม ตั้งอยู่ริมแม่น้ำคาน ห่างจากตัวเมืองหลวงพระบางไปทางทิศตะวันออก ประมาณ 4 กิโลเมตร  มีประชากรอยู่ประมาณ 250 หลังคาเรือน

เอกลักษณ์สำคัญอย่างหนึ่งของชาวไทลื้อก็คือการทอผ้า บ้านของคนไทลื้อมักสร้างเป็นบ้านใต้ถุนสูง ที่ใต้ถุนจะมีกี่ทอผ้าประจำไว้ทุกบ้าน

ลูกสาวของคนไทลื้อจะถูกสอนให้ทอผ้าเป็นตั้งแต่ยังเด็ก

ส่วนเสาบ้านของไทลื้อจะไม่ฝังลงไปในดิน แต่จะวางเสาไว้บนหลักหิน เล่ากันว่าเผื่อต้องการย้ายบ้าน สามารถยกบ้านไปได้ทั้งหลัง !!!

บ้านไทลื้อดั้งเดิมที่วัดหนองบัว อ.ท่าวังผา จ.น่าน

ที่บ้านผานม กลิ่นอายของชุมชนไทลื้อเริ่มเปลี่ยนแปลงไปบ้างแล้ว โดยเฉพาะสภาพของบ้านเรือน มีการประยุกต์รูปแบบบ้านให้เข้ากับยุคสมัย บ้านใต้ถุนสูงแบบไทลื้อดั้งเดิมมีเหลืออยู่น้อย บ้านบางหลังกั้นผนังในส่วนที่เคยเป็นใต้ถุนให้เป็นชั้นล่าง และมีการก่อสร้างบ้านในรูปทรงสมัยใหม่เพิ่มมากขึ้น

บ้านที่ถูกประยุกต์หรือสร้างใหม่ ในบ้านผานม

แต่สิ่งที่บ้านผานมพยายามคงเอกลักษณ์สำคัญของไทลื้อเอาไว้ ก็คือการทอผ้า

ในอดีต บ้านผานมเคยเป็นแหล่งทอผ้าถวายให้กับเจ้ามหาชีวิตและราชสำนักของหลวงพระบาง ปัจจุบันผ้าทอจากบ้านผานมมีชื่อเสียงมาก มีการรวมกลุ่มกันของชาวบ้านตั้งเป็นศูนย์หัตถกรรมทอผ้า มีการสาธิตกระบวนการทอผ้า รวมถึงผลิตเป็นสินค้าให้นักท่องเที่ยวเลือกซื้อเป็นจำนวนมาก ตั้งแต่ผ้าผืน เสื้อผ้า กระเป๋า ย่ามฯลฯ

สาธิตการทอผ้า

ผู้อาวุโสในหมู่บ้าน มาช่วยขายผ้า

นอกจากนี้ ยังมีศูนย์แสดงและจำหน่ายสินค้าที่ทำมาจากเครื่องเงิน สาธิตการทำเครื่องเงิน  รวมถึงนำศิลปวัตถุ รวมถึงวัตถุโบราณที่เป็นสัญลักษณ์ของหลวงพระบางในอดีตมาแสดงไว้ด้วย

สาธิตการทำเครื่องเงิน

ของที่ถูกแสดงอยู่ในศูนย์หัตถกรรมเครื่องเงินของบ้านผานม มีตั้งแต่ภาพของเจ้ามหาชีวิตในอดีต รูปภาพเมืองในสมัยก่อน เงินกีบของลาวที่เคยถูกใช้ตั้งแต่สมัยก่อนเปลี่ยนแปลงการปกครอง กลองมโหระทึกที่ทำจากโลหะ ถูกนำมาประยุกต์ใช้เป็นโต๊ะฯลฯ

ที่สำคัญคือมีรัฐธรรมนูญของลาว ในสมัยที่ยังไม่ได้ปกครองด้วยระบอบสังคมนิยม ถูกนำมาโชว์ไว้ในตู้ด้วย

รัฐธรรมนูญลาว สมัยก่อนเปลี่ยนแปลงการปกครอง

กลองมโหระทึกที่นำมาประยุกต์เป็นโต๊ะ

ได้เดินเล่นชมสภาพความเป็นอยู่ของชาวบ้านผานม ได้รับถึงความรู้สึกที่แตกต่างไปจากการเดินเล่นริมแม่น้ำโขงของเมืองหลวงพระบาง

บรรยากาศทั่วไปของผานมยังคงความเป็นบ้านๆ และเป็นบ้านๆแบบไทๆ คล้ายๆกับบรรยากาศของชุมชนในภาคเหนือของประเทศไทย ยุคสมัยเมื่อประมาณสัก 20 กว่าปีก่อน

ซึ่งเป็นยุคที่ความเจริญตามระบบทุนเพิ่งเริ่มต้นเข้าไปถึง...

วิถีแบบไทๆของชาวบ้านผานม

ผมใช้เวลาเดินเล่นอยู่ในหมู่บ้านผานมประมาณ 2 ชั่วโมง ซึมซาบกับภาพต่างๆที่พบเห็นเอาไว้พอสมควร

สิ่งที่อยู่ในหัว ตอนที่กำลังจะออกจากหมู่บ้านแห่งนี้เพื่อเดินทางกลับเข้าไปในเมืองหลวงพระบาง ผมคิดเพียงแค่ว่า ถ้ามาครั้งหน้าขออย่าให้มีการเปลี่ยนแปลงไปจากที่ผมได้พบเห็นในการมาเยือนครั้งนี้มากนัก

ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ผมก็ถือว่าน่าพอใจแล้ว !!!



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น